Audio/อัน-ซาบูร
 
 
 
 
 
 

4. ความกดดันของครอบครัว/สังคมมุสลิม

                 เมื่อเราประกาศกับพี่น้องมุสลิม เราต้องคิดถึงความกดดันที่มาจากครอบครัวและสังคมมุสลิม มุสลิมส่วนใหญ่อยู่กับครอบครัวอย่างสนิทสนม เมื่อตัดสินใจอะไรก็ต้องคิดถึงครอบครัวหรือสังคมที่เกี่ยวข้องกันเป็นสิ่งที่สำคัญก่อน มุสลิมไม่มีอิสระทำตามความคิดเห็นของตนเอง สำหรับมุสลิม การตัดสินใจที่สำคัญ ๆ ไม่ใช่ของตัวเองแต่เป็นของกลุ่ม โดยเฉพาะเรื่องความศรัทธานั้น ตัดสินใจเองยาก เขารู้สึกสบายใจกว่า เมื่อทำตามคนอื่น ในสังคมมุสลิม ความกดดันที่มาจากกลุ่มนั้นสูงกว่าสังคมอื่น ๆ

                  แต่เนื่องจากอิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตก ท่าทีของรุ่นใหม่ค่อย ๆ เปลี่ยน เขาเริ่มคิดถึงชีวิตส่วนตัวและตัดสินใจตามอิสระ ทฤษฎีทางสังคมที่ยึดถือในสิทธิเสรีภาพของบุคคลก็มากขึ้น แต่มุสลิมส่วนใหญ่ยังอยู่ในอิทธิพลของกลุ่ม มุสลิมที่มีความสนใจในท่านอีซา (พระเยซู)หลายคนไม่กล้าค้นหาความจริง เพราะกลัวความกดดันที่มาจากครอบครัวและสังคมมุสลิม การตัดสินใจตามอิสระของบุคคลนั้นยังไม่ใช่การตัดสินใจของเขาเอง ยกตัวอย่างเช่น การแต่งงาน ผู้ชายผู้หญิงพบกันเองและตัดสินใจที่จะแต่งงานกันนั้น สังคมมุสลิมส่วนมากยังไม่ยอมรับ พ่อแม่หรือผู้ใหญ่จัดให้พบกัน และงานสมรสนั้นเป็นเรื่องของกลุ่มไม่ใช่เรื่องของส่วนบุคคล

                  เพราะฉะนั้น มุสลิมคนหนึ่งตัดสินใจว่า จะเชื่อท่านอีซา เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและผู้ช่วยให้รอดนั้น ไม่ใช่เรื่องของส่วนบุคคลของคนนั้น  ไม่ใช่เป็นกรณีของตัวเองแต่เป็นของกลุ่ม เมื่อเขาเชื่อในพระเยซู เขาต้องสู้กับหลักข้อเชื่อต่าง ๆ ที่เขาเรียนมา แต่ยิ่งกว่านั้นเขาต้องคิดถึงครอบครัว การตัดสินใจของเขาเป็นการทำให้ครอบครัวเสียชื่อครอบครัว เมื่อเขาประกาศว่า เขาเป็นคริสเตียน เขาต้องเผชิญการต่อต้านของครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้านทุกคนคงอาจต่อต้านเขา เหตุการณ์นั้นเป็นความทุกข์ มุสลิมที่เชื่อบางคน ไม่กล้าเผชิญเหตุการณ์เช่นนี้จนกลับไปหาสิ่งเก่า ๆ ความกดดันที่มาจากสังคมนั้นเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับมุสลิมที่เชื่อใหม่

คริสเตียนเราต้องเข้าใจด้านนี้ เมื่อเราประกาศกับพี่น้องมุสลิม ต้องคิดถึงความกดดันของครอบครัวและสังคม เราต้องเข้าใจว่า เมื่อเขาตัดสินใจที่จะติดตามท่านอีซา เขาจะเจอปัญหาอะไร บางครั้ง ถึงแม้เขาตัดสินใจแล้ว เราจะแนะนำเขาว่า ไม่เปิดเผยทันที อาจแอบเชื่อชั่วคราว สอนเขาตัวต่อตัวและช่วยเขาให้พร้อมจะพบปัญหาที่จะเข้ามาในอนาคต ถ้ามีผู้เชื่อที่เคยเป็นมุสลิมมาก่อน ร่วมมือกับเขาก็ดี และแนะนำทางที่เหมาะกับผู้เชื่อใหม่ ถ้าเป็นไปได้ คือสร้างกลุ่มใหม่ คือ กลุ่มพี่น้องที่เคยเป็นมุสลิม แล้วผู้เชื่อใหม่ให้ร่วมกลุ่มที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นั่นเป็นการดีที่สุด

ผู้นำคริสเตียนบางคนไม่เข้าใจสภาพของมุสลิมที่เชื่อใหม่ เขามักจะดึงมุสลิมผู้เชื่อใหม่ให้เป็นสมาชิกคริสตจักรท้องถิ่น เขาสนใจแต่การเพิ่มจำนวนสมาชิกคริสตจักร ท่าทีแบบนั้นเป็นการไม่สมควร เราต้องหาวิธีดีที่สุดทำให้พี่น้องมุสลิมผู้เชื่อใหม่โตขึ้นด้วยความเชื่อและวางใจในพระเยซูคริสต์ แล้วอีกข้อหนึ่งที่เราต้องคิดนั้น เราต้องหาวิธีที่เหมาะกับพี่น้องมุสลิมที่เชื่อ ทำให้เขาสามารถอยู่ในสังคมมุสลิมต่อไปได้ และทำให้เขาเป็นพยานกับพี่น้องของเขา ถ้าเขาประกาศว่า เขาเป็นคริสเตียนนั้น เขาคงถูกไล่ออกจากครอบครัวทันทีแล้วเขาคงไม่มีโอกาสเป็นพยานกับญาตพี่น้องเขาและสังคมมุสลิม เขาคงทำหน้าที่ในการเป็นพยานกับพี่น้องของเขาไม่ได้ เราต้องนำเขาให้เขาเชื่อฟังคำสั่งของพระเยซูดังนี้

จงกลับไปบ้านเรือนของตัวและบอกชาวเมืองถึงเรื่องการใหญ่ซึ่งพระเจ้าได้ทรงกระทำแก่เจ้า (ลูกา8.39)  

 

Answering Islam Thailand, 1999 - 2006. All rights reserved.